โน้มน้าวสู่อารยะ
Striving for the Better
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรกที่ทรงสำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศ ทรงใช้เวลาอยู่ในต่างประเทศถึง 9 ปี ซึ่งนานพอสมควรที่จะทรงซึมซาบและสังเกตเห็นทั้งด้านมืดและด้านสว่างของชาติตะวันตก ระหว่างประทับ ณ ประเทศอังกฤษนั้น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมารเสด็จสวรรคตอย่างกะทันหัน พระองค์จึงทรงได้รับพระราชทานสถาปนาเป็นสยามมกุฎราชกุมารสืบแทน ทำให้ทรงมีเวลาตระเตรียมพระองค์พอสมควรสำหรับการขึ้นครองราชย์
พระบรมราชปณิธานที่จะนำสยามสู่สมัยอารยะ ปรากฏนับแต่แรกเสด็จผ่านพิภพเป็นพระมหากษัตริย์สืบสนองพระองค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อพุทธศักราช 2453 ในพระราชหัตถเลขาถึงสมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ มีความตอนหนึ่งว่า “...ในชั้นต้น กิจการต่าง ๆ คงจะต้องดำเนินอย่างช้า ๆ เพราะมีเครื่องกีดขวางอยู่หลายอย่างที่ฉันจะต้องข้าม เราอยู่ในสมัยที่ลำบาก เพราะมีขนบธรรมเนียมโบราณคอยต่อสู้ขัดขวางการเปลี่ยนแปลง แต่ฉันไม่คิดจะยอมแพ้ ฉันยังหวังว่าจะมีชีวิตอยู่นานพอ ที่จะได้เห็นประเทศสยาม ได้เข้าร่วมในหมู่ชาติต่าง ๆ โดยได้รับเกียรติและความเสมอภาคอย่างจริง ๆ ตามความหมายของคำนั้นทุกประการ...”
ปฐมบทของแนวพระราชดำริที่จะแสดงเกียรติภูมิแก่สายตาชาวโลกนั้น เริ่มต้นแต่เมื่อแรกเสวยราชย์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้จัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมโภชอย่างยิ่งใหญ่ เมื่อพุทธศักราช ๒๔๕๔ และทรงเชิญพระราชวงศ์ และผู้แทนรัฐบาลนานาประเทศมาร่วมงาน นับเป็นครั้งแรกของสยามที่ได้รับเสด็จและต้อนรับบุคคลสำคัญจากประเทศมหาอำนาจจำนวนมากเป็นประวัติการณ์ ไม่เคยมีชาติใดในเอเชียได้รับเกียรติเช่นนี้มาก่อน นับเป็นพระบรมราชกุศโลบายอันแยบคาย ในการแสดงให้โลกได้ตระหนักในความเป็นอารยะของชนชาติไทย ผู้มีสิทธิ และศักดิ์ศรีเสมอหน้าอารยประเทศ
น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสวรรคตครบ 100 ปี 25 พฤศจิกายน2568
ข้าพระพุทธเจ้า คณะกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานสำนักงานพระคลังข้างที่
ที่มาข้อมูล : วิถีแห่งจอมปราชญ์ ตามรอยพระยุคลบาทพระมหาธีรราชเจ้า